![]() |
รีสอร์ทอยู่ริมแม่น้ำแควครับ บรรยากาศดีมากๆ |
เอาล่ะครับ มาเข้าเรื่องกันเลยย ตอนนี้หลายคน ก็เริ่มสงสัย ว่าเอ้ะ! สวนสิบสองปันนามันคืออะไร เป็นแค่สวนถ่ายรูปสวยๆรึเปล่า ถ้าคุณคิดอย่างนั้นนะครับ บอกเลยว่าคุณคิดผิดมากก เพราะสวนสิบสองปันนาแห่งนี้ มีอะไรมากกว่านั้นเยอะเลยครับ
ประวัติความเป็นมาของกิจกรรมสวนสิบสวนสองปันนานี้นะครับ เกิดจาก วิกฤตการณ์เศรษฐกิจฟองสบู่แตกในช่วง ปี พ.ศ. 2541ครับ ซึ่งในตอนนั้น ทางรีสอร์ทได้ขาดทุนเป็นจำนวนมากจนถึงขั้นต้องปักป้ายขายรีสอร์ทกันเลยทีเดียว แต่ด้วยความที่เจ้าของรีสอร์ทได้น้อมนำเอา "หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาใช้กับรีสอร์ท คำแสดรีสอร์ทจึงยังคงอยู่ได้มาจนถึงทุวันนี้ครับ นับแต่นั้นมา สวนสิบสองปันนาจึงได้มีการตั้งขึ้น เพื่อให้คนเมืองได้สัมผัสชีวิตแบบชนบท ชีวิตที่เรียบง่าย พออยู่พอกิน ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงครับ น่าปลื้มมากๆเบยย
เกริ่นไว้ซะเยอะ 5555 เรามาดูกันเลยย มาในกิจกรรมนี้มีอะไรกันบ้างง เพื่อเราเข้าไปถึงในบริเวณกิจกรรม เราก็จะสัมผัสได้ถึงความเรียบง่ายแห่งชนบทเข้ามาทันทีเลยครับ ด้วยเสียงวงกลองยาวที่ทำให้คึกคักมากๆ
มีการโห่ฮิ้วกันด้วยนะครับ สนุกมากๆ 555 หลังจากที่เดินผ่านกลองยาวมาก เราจะได้รับของสิ่งนึงครับ ซึ่งผมชอบมากๆ นั่นก็คือ ผ้าขาวม้านั่นเองง แจกฟรีให้กับทุกคนเลยครับ ดังนั้นทุกคนที่เข้ากิจกรรมจึงมีผ้าขาวม้ามาเป็น accessory ประจำตัวกันโดยปริยาย วึ่งผ้าขาวม้านี่เก๋ไก๋มากๆครับ ไม่แพ้ haute couture ของเมืองนอกเลยทีเดียว และยังใช้กันแดดได้ดีมากๆ
![]() |
โพสแรงกันเลย 555 |
และเราก็มี welcome drink ด้วยครับ อร่อยและเก๋ไก๋มากๆ
![]() |
มีภาชนะเป็นโอ่งเล็กๆครับ น่ารักดี |
เมื่อเราสนุกสนานกับการดื่มน้ำและ ถ่ายรูปกับผ้าขาวม้าคู่กายจนพอควรแล้ว เราก็ไปทำกิจกรรมต่อไปกันครับ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่หาทำได้ยากมากๆ นั่นก็คือการดำนาครับ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับใครหลายๆคนครับ
เมื่อผู้เข้าร่วมกิจกรรมก้าวเท้าลงแปลงนา ความตื่นเต้นต่างๆก็เริ่มขึ้นครับ เสียงวี้ดว้ายกะตู้วู้ก็เริ่มมีขึ้นมาในทันทีทันใด 555 การเอาเท้าเปล่าสัมผัสดินโคลน มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมากๆครับ มันยวบยาบๆ แต่พออยู่ไปอยู่มา ก็เริ่มรู้สึกสนุกไปซะงั้น 5555 แล้วเราก็เริ่มดำนากันครับ ซึ่งก่อนเราจะทำเนี่ย เราก็ได้ฟังวิธีการจากป้าๆผู้น่ารักทุกคนครับ ซึ่งเราทำได้ถูกต้องแน่นอนน
จะว่าไปกิจกรรมนี้ก็สูบพลังงานเรามากพอสมควรครับ วึ่งทางรีสอร์ทก็เหมือนรู้ใจเราทุกอย่าง เพราะสิ่งต่อไปที่เราไปทำกันคือ......... กินครับบบบบ เย่ รู้สึกชีวิตดี 5555555 ซึ่งของกินที่ว่า ก็ไม่ใช่อะไรที่ไหนเลย เป็นขนมพื้นบ้านที่เราคุ้นเคยทั้งนั้น ซึ่งทำกันสดๆ กินกันสดๆ และเปิดโอกาศให้เราไปทำได้ด้วยยย ดีงามมากๆ ซึ่งขนมพวกนี้ก็ได้แก่ ขนมครก มันเผา ข้าวจี่ ไข่ป่าม ข้าวโพดคั่ว ข้าวเกรียบว่าว มีไอติมหมุนๆด้วยนะะ วึ่งทุกอย่างกินได้ไม่อั้น เป็นแบบบุปเฟต์เลยครับบบ
![]() |
ขนมครก |
![]() |
ข้าวจี่กับไข่ป่าม |
พอเราอิ่มหนำสำราญ หายเหนื่อยกันแล้ว เราก็เข้าสู่โซนกิจกรรมทีเกี่ยวกับข้าวครับ แสดงวิธีการขั้นตอนว่าในอดีต กว่าจะมาเป็นข้าวสีขาวแบบที่เรากินนั้น มันต้องผ่านอะไรมาบ้าง ทั้งสี ทั้งตำ ทั้งฝัด มากมายหลายวิธีครับ ทำให้พวกเรารู้คุณค่าของข้าวและชาวนาได้อย่างมากเลย และเช่นเคยครับ เราได้ลองทำด้วยยย เหนื่อยจริงๆนะ 55555
![]() |
การกระเทาะข้าวออกจากรวง ไม่ง่ายเลยครับ |
![]() |
ทิวทัศน์ที่งดงาม |
นายกรวีร์ ทองอินที ชั้น ม.5 ห้อง 431 เลขที่ 42
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
บล้อกนี้ เป็นส่วนหนึ่งของวิชาภูมิศาสตร์เพื่อการท่องเที่ยว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น